จากนิตยสาร The Futurist นักอนาคตศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รูปแบบการดำรงชีวิตที่อาจเปลี่ยนแปลงหรือหายไปในอีกไม่กี่ปี ### ผมว่าลองอ่านดูแล้วคิดตามหลายเรื่องได้เริ่มเกิดแล้ว#####
อันดับที่ 1 ความเหลื่อมล้ำทางวัฒนธรรม ภาษา และการศึกษา
สมาร์ทโฟนทำให้คนรุ่นใหม่ในปี ค.ศ. 2020 สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้จากทั่วโลกอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นการศึกษาที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาครูผู้สอน เยาวชนในยุคนั้นจะใช้ภาษาของประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นหลัก เช่น ภาษาอังกฤษและภาษาจีน และจะซึมซับวัตนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ทำให้ความเหลื่อมล้ำต่างๆ หายไป แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียปนอยู่ นั่นคือ ในปี 2030 ภาษาจำนวน 3 พัน ภาษาจากที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน 6 พันภาษาจะหายสาบสูญไป รวมถึงคนรุ่นต่อๆ ไปอาจจะไม่มีความเข้าใจและความอดทนในความแตกต่างด้านวัฒนธรรม
อันดับที่ 2 ระบบการศึกษาในปัจจุบัน
เทคโนโลยีจะลบล้างระบบการศึกษาที่แบ่งกลุ่มนักเรียนตามอายุการเลื่อนระดับชั้นเรียนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล นักเรียนจะมีโอกาสในการค้นพบและเลือกสาขาความเชี่ยวชาญได้เร็วขึ้น (เช่นเดียวกับนักกีฬาในปัจจุบัน ที่นักกีฬาสามารถเลือกสาขากีฬาที่ตนชอบได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก) แม้ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะฟังดูดี แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ บริษัทผู้นำด้านโทรคมนาคมบางแห่งอาจจะกลายเป็นผู้ควบคุมการศึกษาของคนในอนาคต เพราะพวกเขามีเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดอยู่ในมือ
อันดับที่ 3 รูปแบบของสหภาพยุโรป
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าในประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปจะแตกต่างไป โดยข้อจำกัดต่างๆ จะถูกทำลายลงและจะมีการปกครองแบบรัฐบาลเดียว สหภาพยุโรปจะกลายเป็นสหรัฐยุโรป (United Europe)และพูดภาษาเดียวกัน
อันดับที่ 4 งาน
ในปี ค.ศ. 2030 งานกว่า 2 พันล้านตำแหน่งจะหายสาบสูญไป เทคโนโลยีที่เป็นปัจจัยสำคัญคือ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต เทคโนโลยีหุ่นยนต์ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เทคโนโลยีการจัดแต่งพันธุกรรม และอื่นๆ อย่างไรก็ตามแม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะทำลายงานแบบดั้งเดิม ขณะเดียวกันก็สร้างงานรูปแบบใหม่ๆ ที่เราอาจจะคิดไม่ถึงขึ้นเช่นกัน
อันดับที่ 5 ร้านค้า
ห้างร้านต่างๆ ในปี 2030 จะไม่ใช่ห้างร้านในรูปแบบที่เรารู้จักอีกต่อไป ผู้บริโภคจะใช้อินเตอร์เน็ตในการศึกษาคุณสมบัติ ความสามารถ และราคาของสินค้า จากนั้นก็แวะไปที่ห้างร้านเพื่อทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งจะมีเพียงหุ่นยนต์คอยให้บริการ และตอบคำถามพื้นฐานของผู้ที่สนใจ จากนั้นผู้บริโภคก็จะสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน ก็จะพบกับสินค้าที่เพิ่งสั่งไว้ตั้งรออยู่ที่หน้าประตู
อันดับที่ 6 หมอ
ในปี 2030 เทคโนโลยีจะทำให้การตรวจวินิจฉัยโรคบางอย่างสามารถทำได้เองที่บ้านของคุณ สมาร์ทโฟนและเทคโนโลยี Cloud computing จะสามารถตรวจระดับน้ำตาลระดับออกซิเจน ระดับการเต้นของหัวใจ และอื่นๆ ได้ หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่แพทย์ผ่าตัด แพทย์จะมีจำนวนน้อยลงและจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความสามารถสูงเท่านั้น พวกเขาจะสามารถปฏิบัติงานได้จากทุกแห่งทั่วโลกผ่านระบบควบคุมทางไกล จะมีเพียงบุคคลสำคัญๆ หรือผู้ที่มีความสามารถทางการเงินสูงที่ได้รับสิทธิพิเศษในการรับการรักษาจากแพทย์จริงๆ
อันดับที่ 7 กระดาษ
นอกจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และเอกสารต่างๆ ที่พิมพ์ลงบนกระดาษจะหายไปแล้ว ธนบัตรก็จะหายไปด้วย ทุกอย่างจะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล โรงพิมพ์จำนวนมากต้องปิดกิจการหนังสือที่เป็นรูปเล่มพิมพ์บนกระดาษแม้จะไม่หายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง แต่ที่จะพบได้จะเป็นหนังสือที่พิมพ์โดย Self-Publishing หรือการจัดพิมพ์ด้วยตนเอง
อันดับที่ 8 ประสบการณ์แบบดั้งเดิมของมนุษย์
ในอนาคตจะไม่มีคำว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” เพราะข้อมูลของเราทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวันเดือนปีเกิด ประวัติการศึกษาหมายเลขบัตรเครดิต ประวัติการรักษาพยาบาล จะถูกบันทึกและบุคคลอื่นๆ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ต่อไป เราจะขาด “การไตร่ตรอง” เพราะสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีการสื่อสารอื่นๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนั้น เทคโนโลยีในอนาคตจะสามารถตรวจรับการรับรู้ต่างๆ ของร่างกายเราได้ เช่น จังหวะการเต้นของหัวใจระหว่างการออกกำลังกาย และคอยให้คำแนะนำว่าเราควรจะหยุดหรือเร่งการออกกำลังกายเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้เราไม่มีโอกาสที่จะครุ่นคิดและสื่อสารกับร่างกายของเรา “การรอคอย” จะกลายเป็นสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย เพราะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการฝาก-ถอนเงิน สั่งอาหารจองบัตรโดยสารต่างๆ สามารถทำได้ทันทีผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยียังสามารถบอกเราได้อีกว่าขณะนี้ที่สนามบินมีผู้โดยสารมากน้อยแค่ไหนและเราควรมาถึงสนามบินเวลาใดเพื่อหลีกเลี่ยงการรอคอย นอกจากนั้นเราก็จะไม่ “หลงทาง” เพราะเทคโนโลยีจะคอยบอกตำแหน่งของเราและแนะนำเส้นทางได้อยู่ตลอดเวลา
อันดับที่ 9 สมาร์ทโฟน
เทคโนโลยีทุกวันนี้มีอายุสั้น สมาร์ทโฟนเองก็จะกลายเป็นเทคโนโลยีล้าสมัยในอนาคตอันใกล้เช่นกัน เทคโนโลยีในยุคต่อไปจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสวมใส่ได้ เช่นที่เราได้เห็นกันเมื่อไม่นานที่ผ่านมา คือ Google glasses ยิ่งไปกว่านั้นเราเตรียมบอกลาคีย์บอร์ดหรือเม้าส์ไปได้เลย นักอนาคตได้คาดการณ์ไว้ถึงเทคโนโลยีที่จะเป็นที่นิยมในอนาคต คือ Intelligent Web (2017 – 2020), Intelligent Interface และ Virtual Reality (2019 – 2023), Thought power และ AI หรือ Artificial Intelligence (2024 – 2031)
อันดับที่10 ความไม่ปลอดภัย
ต่อไปเราจะไม่มีอุบัติเหตุบนถนน เพราะยานพาหนะจะสามารถสื่อสารกันได้และหลีกเลี่ยงการปะทะกันได้ การโจรกรรมจะสิ้นสุดลง เพราะของมีค่าทุกอย่างจะถูกติดตั้งเครื่องมือติดตามตัว ซึ่งจะมีขนาดเท่ากับอนุภาคเล็กๆที่สามารถใส่ไว้กับวัสดุใดก็ได้
ความรู้ในการสร้างธุรกิจแอมเวย์
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
กล้าเปิด กล้าชวนทุกคน ไม่กลัว ไม่พริกแพรง
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ถ้ามีเพื่อนที่สนิท 20 คนๆละ 20 อาชีพ ถ้ามีปัญหาเรื่องปวดท้องปรึกษาหมอ
Robert Kiyosaki “การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช้เป็นเพราะว่าเรียนหนังสือเก่ง ไม่ใช่เป็นเพราะว่าทำงานเก่ง ไม่ใช้เป็นเพราะว่า……แต่เป็นเพราะว่าคุณรู้จักใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งดลบันดาล และเปลี่ยนชีวิตคุณได้”
ทำไมไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้า
สาเหตุของความกลัวคือขาดความมั่นใจ (Confidence) “You have to believe that you can do, If you don’t believe, you won’t”
มงกุฎฑูตไต้หวัน “ให้คิดว่าคนแปลกหน้าที่เรายังไม่รู้จัก...” ทำให้เราอยากคุยด้วย...อยากรู้จัก
Every body need a friend.
ขั้นตอนการทักทายกับคนแปลกหน้า
1. ทักทาย และสร้างสายสัมพันธ์
นากาจิมา “ไม่เคย sponsor คนแปลกหน้า...sponsor เพื่อใหม่เสมอ”
2. คุยเรื่องชีวิต
3. แผนธุรกิจ
4. คุยเรื่อง Amway (Mind Set)
Amway คือโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก
1) เชื่อว่า Amway คือโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก
2) เชื่อสินค้าของ Amway ดีที่สุดในโลก โดยลองใช้วินค้า และแนะนำ
เทคนิคการทักทายคนแปลกหน้า
1. ยิ้ม 2. สบตา 3. ทักทาย คุยเรื่องฝนตก รถติด อื่นๆ แล้วเราค่อยถามเรื่องชีวิต และเรื่องราวของเขา
Robert Kiyosaki “การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช้เป็นเพราะว่าเรียนหนังสือเก่ง ไม่ใช่เป็นเพราะว่าทำงานเก่ง ไม่ใช้เป็นเพราะว่า……แต่เป็นเพราะว่าคุณรู้จักใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งดลบันดาล และเปลี่ยนชีวิตคุณได้”
ทำไมไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้า
สาเหตุของความกลัวคือขาดความมั่นใจ (Confidence) “You have to believe that you can do, If you don’t believe, you won’t”
มงกุฎฑูตไต้หวัน “ให้คิดว่าคนแปลกหน้าที่เรายังไม่รู้จัก...” ทำให้เราอยากคุยด้วย...อยากรู้จัก
Every body need a friend.
ขั้นตอนการทักทายกับคนแปลกหน้า
1. ทักทาย และสร้างสายสัมพันธ์
นากาจิมา “ไม่เคย sponsor คนแปลกหน้า...sponsor เพื่อใหม่เสมอ”
2. คุยเรื่องชีวิต
3. แผนธุรกิจ
4. คุยเรื่อง Amway (Mind Set)
Amway คือโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก
1) เชื่อว่า Amway คือโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก
2) เชื่อสินค้าของ Amway ดีที่สุดในโลก โดยลองใช้วินค้า และแนะนำ
เทคนิคการทักทายคนแปลกหน้า
1. ยิ้ม 2. สบตา 3. ทักทาย คุยเรื่องฝนตก รถติด อื่นๆ แล้วเราค่อยถามเรื่องชีวิต และเรื่องราวของเขา
การพูด Why I Join
การพูด Why I Join คือการพูดเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเรา แต่ไปกระทบกับผู้ที่ซึ่งกำลังฟังอยู่โดยไม่รู้ตัว ซึ่งผู้ที่ฟังเราอยู่อาจจะเป็นผู้มุ่งหวังที่เรากำลังจะ Sponsor ขั้นตอนการพูดมีดังนี้
1. แนะนำชื่อ ส่วนใหญ่เป็นชื่อเล่น เพื่อให้ดูเป็นกันเอง และบางทีชื่อจริงอาจจะจำยาก
2. แนะนำอาชีพว่าทำอะไรอยู่ ถ้าบางคนไม่เปิดเผยก็ไม่เป็นไร โดยแค่แนะนำว่าทำงานอยู่บริษัทฯ แห่งหนึ่งก็พอ หรือทำงานอยู่ธนาคารแห่งหนึ่ง หรือเปิดร้านขายยาแห่งหนึ่ง
3. พูดถึงปัญหาของตัวเราในอดีต อาจจะเป็นเรื่องงาน หรือปัญหาส่วนตัว หรืออะไรก็ได้เพื่อจะเปรียบเทียบว่าเราพบปัญหาอะไรก่อนที่จะมาทำแอมเวย์
4. เห็นแอมเวย์ดีอย่างไรจึงเข้ามาทำแอมเวย์
ตัวอย่างเช่น
สวัสดีครับพี่ผมชื่อขนุน ผมเป็นเภสัชกร ผมเปิดร้านขายยา และผมเคนทำธุรกิจมาหลายอย่าง ผลก็มีปัญหามากมาย ซึ่งการเปิดร้านขายยามีการแข่งขันกันมาก ร้านขายยาตอนนี้ต้องแข่งกับร้านคนไทย และจากต่างประเทศ ซึ่งเปิดแข่งกับผมจำนวนมาก...ซึ่งจะสู้การแข่งขันกับเขาลำบาก...แรกๆผมก็ไม่ได้สนในแอมเวย์หรอก พี่ชมพู่มาชวนผมก็มาลองทำดู พอเข้ามาทำก็รู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่ดีมากๆ ซึ่งไม่เหมือนธุรกิจอื่น คือเราต้องให้คนอื่นก่อน แล้วเราถึงจะได้ เป็นธุรกิจแห่งการให้ และไม่ต้องลงทุนอะไร และไม่มีความเสี่ยง ผมทำธุรกิจเดิมผมมีความเสี่ยงในเรื่องการลงทุนเรื่องการ Stock ยา แต่เมื่อผมมาทำแอมเวย์นั้นแค่ชวนคนมาซื้อของใช้ และแอมเวย์เค้าก็คืนเงินให้ ผมก็เลยอยากชวนทุกคนมาทำธุรกิจแอมเวย์
และนี่เป็นตัวอย่างการพูด Why I Join โดยพี่หน่อย
Why I Join พี่อุ้ม
Why I Join คุณฝน
1. แนะนำชื่อ ส่วนใหญ่เป็นชื่อเล่น เพื่อให้ดูเป็นกันเอง และบางทีชื่อจริงอาจจะจำยาก
2. แนะนำอาชีพว่าทำอะไรอยู่ ถ้าบางคนไม่เปิดเผยก็ไม่เป็นไร โดยแค่แนะนำว่าทำงานอยู่บริษัทฯ แห่งหนึ่งก็พอ หรือทำงานอยู่ธนาคารแห่งหนึ่ง หรือเปิดร้านขายยาแห่งหนึ่ง
3. พูดถึงปัญหาของตัวเราในอดีต อาจจะเป็นเรื่องงาน หรือปัญหาส่วนตัว หรืออะไรก็ได้เพื่อจะเปรียบเทียบว่าเราพบปัญหาอะไรก่อนที่จะมาทำแอมเวย์
4. เห็นแอมเวย์ดีอย่างไรจึงเข้ามาทำแอมเวย์
ตัวอย่างเช่น
สวัสดีครับพี่ผมชื่อขนุน ผมเป็นเภสัชกร ผมเปิดร้านขายยา และผมเคนทำธุรกิจมาหลายอย่าง ผลก็มีปัญหามากมาย ซึ่งการเปิดร้านขายยามีการแข่งขันกันมาก ร้านขายยาตอนนี้ต้องแข่งกับร้านคนไทย และจากต่างประเทศ ซึ่งเปิดแข่งกับผมจำนวนมาก...ซึ่งจะสู้การแข่งขันกับเขาลำบาก...แรกๆผมก็ไม่ได้สนในแอมเวย์หรอก พี่ชมพู่มาชวนผมก็มาลองทำดู พอเข้ามาทำก็รู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่ดีมากๆ ซึ่งไม่เหมือนธุรกิจอื่น คือเราต้องให้คนอื่นก่อน แล้วเราถึงจะได้ เป็นธุรกิจแห่งการให้ และไม่ต้องลงทุนอะไร และไม่มีความเสี่ยง ผมทำธุรกิจเดิมผมมีความเสี่ยงในเรื่องการลงทุนเรื่องการ Stock ยา แต่เมื่อผมมาทำแอมเวย์นั้นแค่ชวนคนมาซื้อของใช้ และแอมเวย์เค้าก็คืนเงินให้ ผมก็เลยอยากชวนทุกคนมาทำธุรกิจแอมเวย์
และนี่เป็นตัวอย่างการพูด Why I Join โดยพี่หน่อย
Why I Join พี่อุ้ม
Why I Join คุณฝน
วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ความสุขที่ดีที่สุดในโลก
คนที่มีความสุขที่สุดในโลก ไม่ใช้คนร่ำรวย
คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ
แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือคนทีทีความสบายใจเท่านั้นเอง
ความหมายของความสบายใจคือ
1. เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีความดี แต่น่าคบหา แต่คุณทำได้
2. รู้จักตัวเอง ยอมรับข้อบกพร่องของตนเอง และพร้อมที่จะปรับปรุงอยู่เสมอ
3. ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น
4. เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ
5. วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน
6. กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ
7. มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมาย คุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย
8. มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
9. นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง
10. เติมสีสัน สร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง รู้จักหยอกล้อคนอื่น ๆ และตัวเองด้วย
ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้
การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น
เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป
เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอ ไม่มีวันหยุดนิ่ง
ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา
และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ
ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ
ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้
ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่าจึงค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน
เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ในตอนนี้ ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง
คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ
แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือคนทีทีความสบายใจเท่านั้นเอง
ความหมายของความสบายใจคือ
1. เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีความดี แต่น่าคบหา แต่คุณทำได้
2. รู้จักตัวเอง ยอมรับข้อบกพร่องของตนเอง และพร้อมที่จะปรับปรุงอยู่เสมอ
3. ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น
4. เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ
5. วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน
6. กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ
7. มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมาย คุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย
8. มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
9. นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง
10. เติมสีสัน สร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง รู้จักหยอกล้อคนอื่น ๆ และตัวเองด้วย
ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้
การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น
เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป
เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอ ไม่มีวันหยุดนิ่ง
ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา
และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ
ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ
ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้
ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่าจึงค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน
เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ในตอนนี้ ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง
Attitude
If A,B,C,D,E,F,G,H,I,J,K,L,M,N,O,P,Q,R,S,T,U,V,W,X,Y,Z is equal
1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12,13,14,15,16,17,18,19,20,21,22,23,24,25,26
คำว่า "Hard work " --> H + A + R + D + W + O + R + K
--> 8 + 1 + 18 + 4 + 23 + 15 + 18 + 11 = 98%
คำว่า "Knowledge" --> K + N + O + W + L + E + D + G + E
--> 11 + 14 + 15 + 23 + 12 + 5 + 4 + 7+ 5= 96%
คำว่า "LOVE" --> L + O + V + E
--> 12 + 15 + 22 + 5 = 54%
คำว่า "Luck" --> L + U + C + K
--> 12 + 21 + 3 + 11 = 47%
แล้วจะทำอย่างไรให้ได้ 100%
เกี่ยวกับเงินใช่หรือไม่?.....ไม่ใช่ เพราะว่าเงินนั้นมาจากคำว่า
"money"--> M + O + N + E + Y --> 13 + 15 + 14 + 5 + 25 = 72%
หรือคำว่า "LEADERSHIP" --> L + E + A + D + E + R + S + H + I + P
--> 12 + 5 + 1 + 4 + 5 + 18 + 19 + 9 + 16 = 89%
ทุกปัญหามีทางแก้ไข ถ้าเราเปลี่ยนอุปนิสัยเราเอง (Attitude) ซึ่งจะทำให้เราได้คะแนน 100% พอดี
"Attitude" --> A + T + T + I + T + U + D + E --> 1 + 20 + 20 + 9 + 20 + 21 + 4 + 5=100%
คำว่า "Attitude" ทำให้ชีวิต และการงานของเราสำเร็จได้ 100%
มาดูความหมาย Attitude กันว่าคืออะไร
1. Attitude is a little thing, That makes a big difference
3. Attitude keep your face to to the sunshine and you cannot see the shadow
5. Attitude attach every problemwith enthusiasm as if your survival depended upon it.
Attitude คือทุกๆสิ่งถ้าเราเปลี่ยน Attitude ได้ก็จะเปลี่ยนชีวิตเราได้ทั้งหมด
What will you do about it?
The lastest you can do is let others know.
1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12,13,14,15,16,17,18,19,20,21,22,23,24,25,26
คำว่า "Hard work " --> H + A + R + D + W + O + R + K
--> 8 + 1 + 18 + 4 + 23 + 15 + 18 + 11 = 98%
คำว่า "Knowledge" --> K + N + O + W + L + E + D + G + E
--> 11 + 14 + 15 + 23 + 12 + 5 + 4 + 7+ 5= 96%
คำว่า "LOVE" --> L + O + V + E
--> 12 + 15 + 22 + 5 = 54%
คำว่า "Luck" --> L + U + C + K
--> 12 + 21 + 3 + 11 = 47%
แล้วจะทำอย่างไรให้ได้ 100%
เกี่ยวกับเงินใช่หรือไม่?.....ไม่ใช่ เพราะว่าเงินนั้นมาจากคำว่า
"money"--> M + O + N + E + Y --> 13 + 15 + 14 + 5 + 25 = 72%
หรือคำว่า "LEADERSHIP" --> L + E + A + D + E + R + S + H + I + P
--> 12 + 5 + 1 + 4 + 5 + 18 + 19 + 9 + 16 = 89%
ทุกปัญหามีทางแก้ไข ถ้าเราเปลี่ยนอุปนิสัยเราเอง (Attitude) ซึ่งจะทำให้เราได้คะแนน 100% พอดี
"Attitude" --> A + T + T + I + T + U + D + E --> 1 + 20 + 20 + 9 + 20 + 21 + 4 + 5=100%
คำว่า "Attitude" ทำให้ชีวิต และการงานของเราสำเร็จได้ 100%
มาดูความหมาย Attitude กันว่าคืออะไร
1. Attitude is a little thing, That makes a big difference
3. Attitude keep your face to to the sunshine and you cannot see the shadow
5. Attitude attach every problemwith enthusiasm as if your survival depended upon it.
Attitude คือทุกๆสิ่งถ้าเราเปลี่ยน Attitude ได้ก็จะเปลี่ยนชีวิตเราได้ทั้งหมด
What will you do about it?
The lastest you can do is let others know.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)